วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

การประกอบพิธีฮัจย์

การประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะฮ์ ประเทศซาอุดิอารเบีย ฮัจย์: 1 ในหลักการอิสลาม. ๑. เป็นรูกนที่ ๕ ของรู่ก่นอิสลาม ซึ่งกำหนดเป็นฟัรดู (ศาสนกิจระดับบังคับ) สำหรับมุสลิมที่มีความสามารถ ( มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ และปัจจัยที่จำเป็นในการประกอบพิธีฮัจย์ – เงิน อาหาร) ต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะฮฺ ในเดือนซูลฮิจยะฮฺ จำนวน ๑ ครั้งในชั่วชีวิต (ส่วนจำนวนที่ประกอบฮัจย์มากกว่า ๑ ครั้ง จะไม่ถือเป็นวายิบ แต่ส่งเสริมให้กระทำ) ๒. เป็นศาสนพิธีในอิสลามที่กำหนดให้มุสลิมที่มีความสามารถจะต้องประกอบพิธีฮัจย์หนึ่งครั้งในชั่วชีวิตของมุสลิมแต่ละคน ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้กล่าวแก่ชาวมุสลิมเกี่ยวกับฮัจย์ สรุปความได้ว่า “ โอ้ประชาติทั้งหลาย อัลลอฮฺ ได้กำหนดฮัจย์เป็นหน้าที่ของพวกท่าน (มุสลิม) ดังนั้นท่าน (มุสลิม) ทั้งหลายจงทำฮัจย์ ” จากฮะดิษข้างต้น จะเห็นว่า รูกนฮัจย์ เป็นรูกนที่อัลลอฮฺ ทรงกำหนดให้มุสลิมทุกคนจะต้อง (วายิบ) ประกอบ โดยมีคำอธิบายขยายเพิ่มเติมว่า บังคับเหนือมุสลิมทุกคน ยกเว้นผู้ที่ไม่มีความสามารถกระทำได้ อาทิเช่น - ไม่มีความสามารถที่จะประกอบพิธีฮัจย์เนื่องจากความบกพร่องทางสมอง เช่น บ้า สติไม่สมประกอบ หรือ พิการทางร่างกายที่ไม่สามารถเดินทางและประกอบพิธีฮัจย์ได้ - ไม่มีความสามารถที่จะประกอบพิธีฮัจย์เนื่องจากความเจ็บป่วย หรือเป็นโรค เช่น เจ็บป่วยหนักอย่างต่อเนื่อง เจ็บป่วยเป็นโรคติต่อร้ายแรง หรือเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นรอบข้าง เป็นต้น - ไม่มีความสามารถที่จะประกอบพิธีฮัจย์เนื่องจากความยกจน มีรายได้ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัวระหว่างการประกอบฮัจย์ ไม่มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นระหว่างเดินทางและประกอบพิธีฮัจย์ หรือเป็นผู้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือเป็นคนล้มละลาย เป็นต้น - ไม่มีความสามารถที่จะประกอบพิธีฮัจย์เนื่องจากเหตุผลสุดวิสัยอื่น เช่น อยู่ในภาวะสงคราม โรคระบาดอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ เป็นต้น อุมเราะฮฺ : เป็นอีบาดัตซุนนะฮฺ ประการหนึ่ง ที่สามารถกระทำได้ ณ นครมักกะฮฺ ซึ่งจะประกอบด้วยกิจกรรมอิฮรอม ตอวาฟ สะแอ และตะหัลลู้ล โดยจะไม่ประกอบกิจกรรมวายิบของฮัจย์ บางครั้งเรียมอุมเราะห์ว่า ฮัจย์เล็ก การประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์ มี ๓ วิธี ๑ . อิฟรอด คือ การทำฮัจย์ก่อนการทำอุมเราะฮฺ ฮุจญาดผู้ประกอบพิธีฮัจย์แบบฮัจญ์อิฟรอด จะประกอบพิธีฮัจญ์ก่อนทำอุมเราะฮฺ หลังจากเสร็จพิธีฮัจญ์แล้วเขาจะเดินทางออกจากแผ่นดินฮะรอม แล้วเนียตเอียะฮฺ รอมอุมเราะฮฺ แล้วเดินทางเข้ามักกะฮฺ เพื่อประกอบพิธีอุมระฮฺ โดยต้องทำต้องทำภายในปีเดียวกันกับปีที่ประกอบพิธีฮัจญ์ วิธีอิฟรอด เป็นวิธีประกอบฮัจญ์ที่ดีกว่า การประกอบพิธีฮัจญ์วิธีตะมัตตุอ . และวิธีกิรอน โดยไม่ต้องเสียดัม (ตามมัซฮับซาฟีอี) ๒ . ตะมัตตุอฺ คือ การทำอุมเราะฮฺ ในช่วงเวลาฮัจญ์ เมื่อเสร็จการทำอุมเราะฮฺ แล้วฮุจญาดจะทำพิธีฮัจญ์ในปีเดียวกัน การประกอบพิธีฮัจญ์วิธีตะมัตตุอ . จะดีกว่าการประกอบพิธีฮัจญ์วิธีกิรอน แต่ต้องเสียดัม (ค่าปรับต่อการกระทำผิดพลาด หรืออาจจะบกพร่องกรณีใดกรณีหนึ่งตามรูกนฮัจญ์) ๓ . กิรอน คือ การทำฮัจญ์และอุมเราะฮฺ พร้อมกันในช่วงเวลาฮัจญ์ หรือการเนียตทำอุมเราะฮฺ แล้วนำเอาพิธีฮัจญ์เข้ามาก่อนลงมือทำอุมเราะฮฺ แล้วก็ทำพิธีฮัจญ์จนแล้วเสร็จ ทั้ง ๒ รูปแบบนี้ผู้ปฏิบัติจะได้ทั้งฮัจญ์ และอุมเราะฮฺ ในคราวเดียวกัน เพราะพิธีฮัจญ์ได้ครอบคลุมถึงพิธี อุมเราะฮฺ อยู่แล้ว แต่ต้องเสียดัม รูกนของฮัจย์ มี ๖ ประการ ดังนี้ ๑ . เอียะฮฺรอม คือ การตั้งเจตนา ( เนียต) ทำพิธีฮัจย์ ฮุจญาจหรือผู้ที่จะประกอบพิธีฮัจย์ทุกคนจะต้องเริ่มต้นด้วยรูกนนี้ มิฉะนั้นการกระทำหลังจากนี้ทั้งหมดจะถือว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีฮัจย์ การตั้งเจตตนาหรือเนียต สามารถกล่าวด้วยข้อความต่อไปนี้ “ ข้าพเจ้าตั้งเจตนาทำฮัจญ์ และครองตนไม่ละเมิดสิ่งต้องห้ามด้วยการทำฮัจย์ เพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ” ๒ . วุกูฟ คือ การเดินทางไปปรากฏตัว ณ ทุ่งอะรอฟะฮฺ ในช่วงเวลาตั้งแต่ตะวันคล้อยของวันที่ ๙ ของเดือนซุลฮิจญะฮฺ และพักแรมคืน ณ ทุ่งมุซดะลีฟะฮฺ ถึงเริ่มแสงอรุณ (หรือพักแรมอย่างน้อยถึงหลังเที่ยงคืน) ของวันที่ ๑๐ เดือนซุลฮิจญะฮฺ หรือ ที่เรียกว่า วันกุรบาน ซึ่งจะเป็น วันอิดิลฮัฎฮา Idil Adha หรือ วันรายอฮัจญี ของที่อื่นๆที่ไม่ใช่ทุ่งอะรอฟะฮฺ (ทุกชุมชนมุสลิมที่นอกเหนือจากกลุ่มฮุจญาจที่อยู่ระหว่างประกอบฮัจย์ (วูกูฟ) ณ ทุ่ง อะรอฟะฮฺ จะเป็นวันอิดิลอัฏฮา จะทำการละหมาดอิดิลอัฎฮา และทำการกุรบาน) ๓ . ตอวาฟ คือ การเดินเวียนรอบกะบะฮฺ หรือ บัยตุ้ลเลาะฮฺ (ฮุจญาจปกติจะเดินเท้า ส่วนฮุจญาจที่ชรา หรือพิการ หรือไม่สบายสามารถจ้างลูกหาบช่วยหาบ (ใช้เปลคล้ายเปลคนไข้) หรือ ใช้รถเข็น รอบกะอฺบะฮฺ แทนการเดินเท้า เป็นต้น การตอวาฟรอบกะอฺบะฮฺ จะเวียนซ้าย ( ทวนเข็มนาฬิกา) จำนวน ๗ รอบ เริ่มจากแนวเส้นเริ่มต้น ซึ่งจะทำเป็นเครื่องหมายให้สามารถสังเกตได้ทั้งบนพื้น และที่อาคารมัสยิด เวลาตอวาฟเริ่มตั้งแต่เวลาพ้นเวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๑๐ เดือน ซุ้ลฮิจยะฮฺ แนวเส้นทางการตอวาฟดังแผนภูมิต่อไปนี้ เงื่อนไขของการตอวาฟมี 6 ประการ คือ 1. ร่างกายต้องสะอาดจากอะดัสใหญ่และเล็ก และสะอาดจากนะยิสต่างๆ 2. ต้องปกปิดอวัยวะที่พึงสงวน 3. ต้องตั้งเจตนา (เนี๊ยต) ทำการตอวาฟ สำหรับตอวาฟทั่วไป สำหรับตอวาฟที่เกี่ยวกับพิธีฮัจย์ และอุมเราะฮฺ ก็ไม่ต้องเนี๊ยต เพราะการเนี๊ยตเอียะฮฺรอม นั้นได้ครอบคลุมถึงพิธีการทั้งหมดแล้ว 4. ต้องเริ่มการตอวาฟที่แนวมุมหินดำ (มีเส้นแนวกำหนด สามารถสังเกตุเส้นแนวที่กำหนดเป็นเส้นเริ่มต้นได้ที่พื้นลานรอบไบตุลลอฮฺ และอาคารมัสยิดฮะรอมรอบใน) 5. ต้องรักษาแนวการเดิน หรือวิ่งเยาะๆตอวาฟให้ไบตุลลอฮฺอยู่ด้ายซ้ายของผู้ตอวาฟเสมอตลอการตอวาฟ และต้องตอวาฟในมัสยิดฮะรอมเท่านั้น 6. ต้องตอวาฟให้ครบ 7 รอบ โดยมั่นใจ ๔ . สะอีย์ (สะแอ) คือ การเดินระหว่างเนินเขาซอฟา กับ เนินเขามัรวะห์ ๗ เที่ยว โดยให้เริ่มจากเนินเขาซอฟา ไปถึงเชิงเนินเชา มัรวะห์นับเป็น ๑ เที่ยว แล้วเริ่มนับเที่ยวที่ ๒ เดินจากเนินเขามัรวะห์ ถึง เนินเขาซอฟา นับต่อๆไปจนครบ ๗ เที่ยวจบ การสะอีย์ที่ เนินเขามัรวะห์ ด้านล่างนี้เป็นตารางเส้นทางการเดินสะอีย์ ๕. การโกน หรือ ตัดเส้นผม หลังการซะอีย์ครบ ๗ เที่ยว ที่เนินเขามัรวะห์ แล้วจะต้องทำการโกนผม หรือ ตัดเส้นผม สำหรับฮุจญาจชายจะดีที่สุดคือการโกนศีรษะ สำหรับฮุจญาจสตรีนั้นส่งเสริมให้ตัดเส้นผมดีกว่าการโกนทั้งศีรษะ ๖. การปฎิบัติเรียงลำดับของรูกน (ตัรตีบ) หมายถึง การปฏิบัติรูกนฮัจย์ที่กล่าวมาเรียงลำดับขั้นตอนไม่สับสน และขาดขั้นตอน ซึ่งจะเริ่มจากการเอียะห์รอม แล้ววูกูฟ ตอวาฟ สะอีร์ แล้วตัดหรือโกนผม การทิ้งรูกนฮัจย์รูกนหนึ่งรูกนใดจะทำให้พิธีฮัจย์ใช้ไม่ได้ ๑ . เอียะห์รอมจากสถานที่ และในเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับผู้ที่อาศัยในนครมักกะฮฺ สถานที่ที่กำหนดสำหรับเอียะห์รอม คือ ขอบเขตนครมักกะฮฺ • สำหรับผู้ที่อาศัยในนครมะดีนะฮฺ สถานที่ที่กำหนดคือ “ซุลฮุไลฟะฮ” หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า “อาบารอะลี ” • สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจากมักกะฮฺ ทางประเทศชาม (ซีเรีย) อียิปต์ และมอร๊อคโค สถานที่ที่กำหนดเป็น “ยุฮฺ ฟะฮฺ” • สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามักกะฮฺ จากประเทศ เยเมน สถานที่ที่กำหนดคือ “ยะลำลำ ” • สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากเมือง ฮิยาซ กำหนดให้เอียะห์รอมที่ “กอรนุ้ลมะนาซิ้ล ” • สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามักกะฮฺ จากเส้นทางตะวันออก ให้เอียะห์รอมที่ “ซาตุอิรก์ ” • สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากเส้นทางอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ข้างต้นให้ถือเอาเส้นทางผ่านซึ่งตรงกันกับสถานที่ที่ได้กำหนดไว้แล้วนั้น • ส่วนเวลาที่กำหนดสำหรับเอียะห์รอมคือ สามารถกระทำได้ตั้งแต่เริ่มเข้าเดือนเซาวาล เดือนซุ้ลเกียะห์ดะห์ และอีก ๑๐ วันแรกของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ (รวมช่วงเวลาที่สามารถทำเอียะห์รอมได้ คือ ๗๐ วัน) ๒ . การพักแรมที่มุซดาลิฟะฮฺ หลังวูกูฟที่ทุ่งอารอฟะฮฺ กำหนดให้ฮุจยาดเดินทางออกจากทุ่งอารอฟะฮฺ หลังฮัสรีไปยังที่ทุ่งมุซดาลีฟะห์พักแรมที่ทุ่งมุซดาลีฟะห์จนถึงหลังซุบฮิ หรืออย่างน้อยหลังเที่ยงคืนของวันที่ ๑๐ ซุลฮิจยะฮฺ ซึ่งเป็นวันเชือดสัตว์ทำ กุรบาน ( วันอิดิลอัฏฮา ของชุมชนทั่วไป) ๓ . การพักแรมที่มินา หลังเดินทางออกจากทุ่งมุซดาลีฟะฮฺ ฮุจยาดจะต้องเดินทางกลับที่ทุ่งมินา และพักแรมที่มินา ๓ คืน คือ วันที่ ๑๑ , ๑๒ และ ๑๓ ซุลฮิจยะฮฺ หรือที่เรียกว่า “ วันตัซรีก ” ๔ . การขว้างเสาหิน มีกำหนด ๓ ต้น ในกำหนดเวลาดังนี้ • วันแรกขว้างเสาต้นที่ ๑ เรียกว่า “ ยัมรอตุลอะกอบะฮฺ” สามารถเริ่มขว้างตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืนของวันที ๑๐ เดือนซุลฮิจยะฮฺ ด้วยก้อนกรวดที่เก็บจากลานทุ่งมุซดาลีฟะฮฺ จำนวน ๗ ก้อน • วันที่ ๑๑ ๑๒ และ ๑๓ เดือนซุลฮิจยะฮฺ ฮุจญาจจะเดินออกจากเต็นที่พัก ณ ทุ่งมีนา ไปขว้างเสาหินทั้ง ๓ ต้นๆ ละ ๗ ก้อน ตามลำดับ โดยกำหนดให้เริ่มจากเสา ยัมรอตุ้ลอูลา แล้วขว้าง เสายัมรอตุลวุสตอ และเสายัมรอตุลอะกอบะฮฺ ตามลำดับ หมายเหตุ หากมีการละเว้นการปฏิบัติวายิบฮัจย์ประการใดประการหนึ่งไม่ทำให้เสียพิธีฮัจญ์ แต่ฮุจญาดผู้นั้นต้องเสียดัม (ค่าปรับ) สิ่งที่ควรปฏิบัติ (สุนัต) ในพิธีฮัจย์ สิ่งที่ควรปฏิบัติ หรือ สุนัต ที่ส่งเสริมในระหว่างการทำฮัจย์มีดังต่อไปนี้ • อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเพื่อการเอียะฮฺรอม เพื่อเดินทางเช้ามักกะฮฺ และอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อเอียะฮฺรอมเพื่อวูกูฟ • ใส่เครื่องหอมที่ร่างกาย และเสื้อผ้าก่อนการเอียะฮฺรอม (ส่วนการใส่เครื่องหอมหลัง เอียะฮฺรอมแล้วถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม) • กล่าว “ ตัลบียะฮฺ ” ควรกล่าว ตัลบียะฮฺด้วยเสียงค่อนข้างดัง กล่าวต่อเนื่อง หรือกล่าวให้มากที่สุดที่ทำได้ หลังเริ่มเอียะฮฺรอม ก่อนเข้านครมักกะฮฺ เริ่มเดินทางไปทุ่งมีนา จนถึงการขว้างเสาหินที่ ยำรอตุลอะกอบะฮฺ • พักแรมคืนที่ ทุ่งมีนา ในคืนวันที่ 9 ซุลฮิจยะฮฺ • พักแรมจนถึงรุ่งอรุณที่ ทุ่ง มุซดาลีฟะฮฺ • หยุดพักที่ มัชอะริ้ลฮะรอม • ขอดุอาฮฺ เตาบัต อ่านกุรอาน และซิเกร์ให้มากๆ • บริจาคทานให้มาก • ละหมาดที่มัสยิดหะรอม • ปฏิบัติสุนัตอื่นๆให้มากระหว่างประกอบฮัจย์ • ในกรณีมีการละทิ้งไม่การทำ วายิบฮัจญ์ ประการใดประการหนึ่ง เช่น • ละเว้นหรือลืมกรทำเอียะห์รอม ณ สถานที่ที่กำหนด หรือ • ละเว้นการพักแรมคืน ณ “ มุซดาลีฟะห์ ” หรือ • ละเว้นการพักแรมคืนที่ “ มีนา ” หรือ • ละเว้นการขว้างเสาหิน หรือ • ละเว้นการตอวาฟอำลา • กำหนดต้องเสียค่าดัม (ค่าปรับ) ดังนี้คือ 1. ให้เชือดแพะ หรือ แกะ 1 ตัว แล้วให้แจกจ่ายเนื้อแก่คนยากจน ถ้าไม่สามารถกระทำได้ (ไม่สามารถหา หรือ ซื้อ แพะ หรือ แกะ เชือดเสียดัมได้) กำหนดให้ ถือศิลอด (ปัวซอ) เป็นเวลา 10 วัน โดยถือ ศิลอด 3 วัน ภายหลังเอียะห์รอม ( ควรถือศิลอด ในวันที่ 6, 7 และ 8 ของเดือน ซุลฮิจยะห์ ส่วนอีก 7 วันที่เหลือ นั้นให้ถือเมื่อเดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ถึงภูมิลำเนาเดิมแล้ว ( กลับถึงบ้านของฮุจญาดแต่ละคน) 2 .กรณีละเว้นการพักแรมคืน ณ ทุ่งมีนา 1 คืน ต้องเสียค่าปรับเป็นอาหาร 1 มุด ( ลิตร) 2 คืน ต้องเสียค่าปรับเป็นอาหาร 2 มุด (ลิตร) 3 คืน ต้องเสียค่าปรับเต็มอัตรา คือ เชือดแพะ หรือ แกะ 1 ตัว หรือ ถือศิลอด 10 วัน แล้วแต่กรณี 3. กรณีละเว้น การขว้างเสาหิน (ใช้ก้อนหิน 7 ก้อน) ถ้าขาด 1 ก้อนต้องเสียค่าปรับเป็นอาหาร 1 มุด (ลิตร) ถ้าขาด 2 ก้อน ต้องเสียค่าปรับ เป็นอาหาร 2 มุด ถ้าขาด 3 ก้อนหรือมากกว่า ต้องเสียค่าปรับเป็นอาหาร ต้องเสียค่าปรับเต็มอัตราดังได้กล่าวไว้ข้างต้น ข้อห้ามขณะอยู่ในเอียะห์รอมมี ๗ ประการ • เกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่ม สำหรับฮุจญาจชาย • ห้ามปิดศีรษะ ทั้งหมดหรือบางส่วนของศีรษะ • ห้ามสวมใส่ด้วยเครื่องนุ่งห่มที่เย็บติดกัน หรือทอต่อกัน เช่นกาง เกง เสื้อ เป็นต้น • ห้ามสวมรองเท้า แบบหุ้มส้นเท้า และปลายนิ้วเท้า • ห้ามสวมใส่ เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับที่เป็นวงกลม หรือ เย็บต่อกันเป็นวง สำหรับฮุจญาจหญิง • ห้ามสวมเครื่องแต่งกายแบบปิดใบหน้า • ห้ามปิดฝ่ามือ ด้วยการสวมใส่ถุงมือ • ไม่ห้ามเสื้อผ้าที่ตัดเย็บ หรือทอติดกัน เช่นเดียวกันกับฮุจญาจชาย • เครื่องหอม เครื่องประทินผิว ทั้งฮุจญาจชาย และหญิง ห้ามใส่ หรือพรมน้ำหอม หรือ เครื่องสำอางที่ร่างกาย เครื่องนุ่งห่ม หรือที่นอน การเตรียมตัวการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์สำหรับฮุจญาจไทย ชาวมุสลิมทั่วโลกที่มีความสามารถจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซะอุดิอาระเบีย จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งความรู้ในรูกนต่างๆของการประกอบพิธีฮัจย์ ความพร้อมทางร่างกายและสุขภาพ ความพร้อมทางการเงินซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งไป - กลับ และระหว่างการอยู่ในระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์ ความพร้อมด้านเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเป็นต้น รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญ และเข้ามีบทบาทในการเตรียมความพร้อม และการจัดระบบของการเดินทางประกอบพิธีฮัจย์ของฮุจญาจไทย เพื่อให้ฮุจญาจไทยสามารถเดินทางไป - กลับ อย่างเป็นระบบ มีความปลอดภัย ไม่การติดขัด และมีมาตรฐานเทียบเท่ากับมาตรฐานของฮุจญาจจากประเทศอื่นๆที่พัฒนาแล้ว มาตรฐานการเตรียมความพร้อมสำหรับฮุจญาจที่กำหนดโดยรัฐบาลไทย พอสรุปได้ดังต่อไปนี้ 1. คุณสมบัติของผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ 1.1 เป็นคนไทย สัญชาติไทย มีสุขภาพดีแข็งแรงพอที่จะประกอบกิจกรรมตลอดพิธีฮัจย์ 1.2 มีหนังสือเดินทาง (Passport) ไทย 1.3 ไม่เป็นผู้ต้องโทษ มีหมายจับจากทางราชการ และอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการห้ามเดินทางนอกราชอาณาจักรไทย 1.4 มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง (สามารถเดินทาง และประกอบพิธีฮัจย์ได้ตลอดช่วงการเดินทางไปกลับได้) 1.5 มีเอกสารรับรองการเป็นมุสลิม จากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด หรือสำนักจุฬาราชมนตรี 1.6 ได้รับการฉีดวัคซีนต่างๆ และมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนตามที่กำหนดในแต่ละปี จากสาธารณสุขจังหวัด หรือสถานพยาบาลอื่นๆที่รัฐบาลกำหนด 1.7 ได้แจ้งความประสงค์ และเข้าสังกัดบริษัทบริการฮัจย์ หรือแซะฮ์ ( ผู้ประกอบการบริการการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทำหน้าที่เสมือนมัคคุเทศการบริการฮัจย์) ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย 1.8 มีเงินสดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง ซึ่งจะประกอบด้วย :- - ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทบริการฮัจย์ หรือแซะห์ ซึ่งมักจะรวมค่าเครื่องบินไป - กลับ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าธรรมเนียมบริการอื่นๆระหว่างอยู่ในประเทศซะอุดิอาระเบีย (ประมาณ 10 – 45 วัน ) และอื่นๆ (สำหรับประเทศไทยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเฉลี่ยประมาณ 70,000 – 90,000 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการบริการ) - ค่าใช้จ่ายส่วนตัวตลอดการเดินทางไป และกลับ 1.9 สัมภาระส่วนตัว ซึ่งจะประกอบด้วย - สัมภาระที่จำเป็นใช้ในการประกอบพิธีฮัจย์ เช่น ผ้าอุมเราะห์ หรือชุดอุมเราะห์ - สัมภาระที่จะใช้ในชีวิตประจำวันระหว่างอยู่ในประเทศซะอุดิอาระเบีย เช่น เสื้อผ้าปกติประจำวัน ร้องเท้า หรือ รองเท้าแตะ แว่นตากันแดด ( ประเทศะอุดิอะราเบียจะมีแสงแดดจ้า และ มีทะเลทราย แสงแดดจะทำให้ปวดตามากว่า แสงแดดในประเทศไทย) ผ้าขนหนู ผ้าขาวม้า ร่มกันแดด แปรงสีฟัน ยาสีฟัน กรรไกรเล็มผม ที่ตัดเล็บ พรมละหมาด และอื่นๆ 1.10 เงื่อนไขอื่นๆตามที่รัฐบาลกำหนดในแต่ละปี ( ตามเงื่อนไขของรัฐบาลไทย และรัฐบาลของประเทศซะอุดิอาระเบีย) เนื่องจากรัฐบาลไทย และประเทศซะอุดิอาระเบียต้องการให้ระบบการบริการและการเดินทางไปประกอบของฮุจญาจไทย มีระบบ มีมาตรฐาน มีความเรียบร้อย ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จึงได้กำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในแต่ละปีต้องแจ้งความประสงค์และลงทะเบียน เพื่อที่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้ทราบยอดจำนวน และแจ้งจำนวนไปยังประเทศซะอุดิอาระเบีย (แต่ละปีสภาอำนวยการฮัจย์แห่งประเทศซะอุดิอาระเบียจะมีการประชุมตังแทนกิจการฮัจย์ของประเทศมุสลิมทั่วโลก เพื่อตกลงจำนวนโควต้ายอดฮุจญาจแต่ละประเทศ เพื่อควบคุมปริมาณไม่ให้มีฮุจญาจหนาแน่นจนเกินไป และสามารถจัดจำนวนเต็นท์ที่ทุ่งมีนา และอารอฟะฮฺ ได้อย่างพอเพียง และปลอดภัย เป็นต้น คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยจะเป็นผู้พิจารณากำหนด และประกาศให้ทราบเป็นปีๆ ผู้ที่มีความประสงค์สามารถสอบถามผ่านแซะฮฺ ที่ตนต้องการใช้บริการได้ ส่วนราชการในแต่ละจังหวัดที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องด้านนี้ได้แก่ ฝ่ายปกครองอำเภอและจังหวัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ฝ่ายกิจการฮัจย์ของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เป็นต้น การประกอบพิธีฮัจย์จะสมบูรณ์พร้อม นอกจากความตั้งใจที่บริสุทธิ์ ที่จะเดินทางไปทำฮัจย์เพื่ออัลลอฮฺ ศึกษาทำความเข้าใจถึงรูกน และแนวปฏิบัติอื่นๆ ตลอดการประกอบพิธีฮัจย์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือองค์ปรกอบที่จะช่วยเสริมให้การเดินทาง การอยู่พักแรมที่มักกะฮฺ การประกอบกิจกรรมต่างๆให้ได้ครบสมบูรณ์ได้ ฮุจญาจทุกคนควรให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ • รักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ด้วยการซ้อมเดินวันละ 2-3 กิโลทุกวันก่อนเดินทาง (เพราะหลายกิจกรรมต้องกระทำด้วยการเดินเท่านั้น) • เตรียมสัมภาระที่จำเป็นที่จะต้องใช้ระหว่างไปทำฮัจย์ เช่น เสื้อผ้า ยารักษาโรคสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้เฉพาะตัวบางชนิด รายละเอียดรับฟังคำชี้แจงจากทางราชการที่รับผิดชอบจะชี้แจงให้เข้าใจก่อนถึงวันเดินทาง บรรจุใส่กระเป๋าให้เหมาะสม เช่น ของใช้ระหว่างเดินทางใส่กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบิน ของใช้อื่นๆ ควรบรรจุกระเป๋าใหญ่ แต่ต้องระวังน้ำหนักต้องไม่เกินที่สายการบินกำหนด (มิฉะนั้นจะต้องเสียค่าสัมภาระซึ่งแพงมาก) ปัจจุบันที่ซะอุดิอาระเบียมีสินค้าทุกอย่างที่คนเอเชียใช้ ถ้าจะไม่ลำบากฮุจญาจสามารถเดินทางไปโดยไม่ต้องนำสัมภาระมากมาย นำไปเท่าที่จำเป็น สามารถหาซื้อใช้ได้ที่ประเทศซะอุดิอาระเบีย และต้องไม่นำสินค้าหรือสิ่งต้องห้ามของประเทศซะอุดิอาระเบีย เช่น หนังสือโป๊ หนังสือการเมือง หนังสือแฟชั่น อาวุธ สิ่งเสพติด ฯลฯ ตามที่ประเทศซะอุดิอาระเบียแจ้งให้รัฐบาลไทยทราบเป็นปีๆ • ตรวจเอกสารการเดินทาง พาสปอร์ต บัตรประชาชน ตั่วเครื่องบิน เงินสำหรับใช้จ่าย บัตรรับรองการฉีดวัคซีน ฯลฯ จัดเก็บในประเป๋าติดตัว รักษาได้ง่าย และนำออกมาใช้เมื่อถูกเรียกตรวจ (นิยมใส่ประเป๋าสะพายใบเล็ก ส่วนใหญ่รัฐบาลไทยทำแจกให้ทุกปีเป็นของกำนัลฮุจญาจไทยก่อนเดินทาง) ตัวอย่างรูปภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น